วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ผู้จัดการเหี้ยๆ

วันนี้กูไปที่ร้านว่าจะไปเอาสลิปเงินเดือน  ไอ้ตัวเหี้ยมันบอกว่า   ไม่ให้     ให้ไม่ได้    พูดจาโครตกวนส้นตีนเลยควาย  สันดานเสียชิบหาย รีบๆไปเลยอีตุ๊ด  สัด

วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555


นานเท่าไหร่แล้วที่เอา แต่ปิดหัวใจตัวเองแบบนี้ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าวันเวลามันจะผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่ความเจ็บมันก็ยังคงเดิม  อ้อ  ไม่สิ ความเจ็บมันกลายมาเป็นกำแพงที่แข็งแกร่งต่างหาก ใช่ เมื่อไหร่ที่กำแพงร้าวขึ้นมา ความเจ็บปวดมันก็ทวีความรุนแรงขึ้นจนแทบจะทนไม่ได้ พอฉันผุดความคิดขึ้นมามันก็มักจะมีน้ำตาเสมอ อะไรที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้นะ  เพราะฉันเสียใจมากจนเกินไป  ฉันเจ็บมากจน ไม่กล้ารักใครอีกเลย  กับความรักที่ผิดหวัง ถูกทรยศ หักหลัง
น้องคนนึงบอกไว้ว่า พี่ปูนะ เป็นคนที่ชอบคิดไปเอง   ฉันก็แปลกใจที่ได้ยินน้องบอกมาแบบนี้  นั้นสิ ฉันกลายเป็นคนที่คิดไปเองเสียแล้ว เพราะเมื่อก่อนตอนที่ฉันรักกับเธอ ฉันเคยคิดไปเองว่า เธอกำลังนอกใจ  ฉันไม่กล้าคิดไปจริงๆหรอกนะ ฉันเฝ้าถามเธอตรงๆ ว่าเธอกำลังคบกับคนอื่นหรือเปล่า  เธอก็ตอบกับฉันมาว่า ฉันพูดมาก น่ารำคาญจริงๆ เธอบอกว่าไม่ เพราะ คนที่ฉันสงสัยว่าเป็นคนใหม่ของเธอมีแฟนอยู่แล้วแต่เธอไม่พูดถึงฉันเลยนะ เธอพูดแค่นี้แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ  ฉันฟังเธอแล้วก็เงียบ  ได้แต่คิดในใจอีกครั้ง ว่า  ถ้าเขาคนนั้นไม่มีแฟน แสดงว่าเธอคงจะนอกใจฉันสินะ  แล้วฉันก็ไปนั่งเสียใจกับความคิดของตัวเอง หลังจากที่เราเลิกกัน  ฉันมาได้ข่าวที่หลังว่าเธอคบกันจริงๆ มีอะไรกัน  ไปเที่ยวด้วยกัน อะไรๆมากมาย ตอนนี้แหล่ะฉันถึงเชื่อในความคิดตัวเอง เพราะมันเป็นความจริง ก็เลยกลายเป็นคนที่คิดไปเองจนถึงทุกวันนี้
ความเจ็บที่ถึงจุดสูงสุด
ฉันเคยปฎิเสธที่เชื่อว่าเธอจะนอกใจฉัน เพราะฉันกลัวว่ามันจะเป็นความจริง เพราะแน่ใจในความรักครั้งนี้มากและมั่นใจว่ามันคือรักครั้งสุดท้ายของฉัน แต่ฉันลืมไปว่า รักครั้งสุดท้ายของฉันคนเดียวมันไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของเธอ  ครั้งแรกที่ฉันเริ่มจะเชื่อและแปลกใจในความคิดที่มันถูกต้องของตัวเอง วันนั้นถ้าฉันไม่ตัดสินใจออกจากห้องกลางดึก  มุ่งหน้าไปห้องของเธอ ฉันคงจะเสียใจที่ฉันไม่เชื่อในความคิดตัวเอง   เธอจะจำได้ไหม  คืนนั้นมันจะอยู่ในความทรงจำฉันตลอดไป  มันคืองานวันเกิดของคนเลวๆที่ชื่อผึ้ง ซึ่งปัจจุบันนี้คงจะเป็นแฟนของเธอแล้ว  เขาชวนหลายๆคนไปกินเลี้ยง แน่นอนว่าไม่มีชื่อฉันที่เขาจะชวน ในฐานะเพื่อนร่วมงาน  คืนนั้นเขาคงจะไปชวนเธอถึงในห้องนอน   เพราะเขาคงจะไปรับเธอเลย เธอไม่มีรถ ฉันได้แต่สงสัยว่าทำไมเธอไม่โทรมาหาฉันและปิดเครื่องอีกต่างหาก เลยลองโทรไปเบอร์เขาคนนี้ ที่ฉันคิดคือ กลัวว่าตอนนี้เขาจะอยู่กับเธอเพียงสองคน  แน่นอนว่าฉันเคยไปห้องเธอ  บรรยากาศในห้องเธอแม้ในโทรศัพท์ฉันก็รู้ดีว่ามันเป็นยังไง นี่แหล่ะคือเซ็นซ์ของฉัน  ไม่คุยอะไรมาก เพราะฉัน จะพิสูจน์ว่าเขาอยู่ในห้องของเธอจริงๆหรือเปล่า  นั่งวินแป๊บเดียวแค่ห้องของเธอใกล้จะตาย   ไปถึงพอฉันเห็นรถเวฟเก่าๆสีแดง  ก็นึกถูกต้องแล้ว! จะให้ฉันคิดอะไรต่อได้  ฉันยืนอยู่ใกล้รถของเขาอย่างเนิ่นนานอย่างเจ็บใจ  เพราะที่คุยกับมันเมื่อกี้มันบอกว่ามันอยู่ห้องมันเอง!  เสียใจนะฉันฉลาดพอที่จะพิสูจน์ไปเลย โกหกหน้าด้านๆ ฉันเริ่มจะเชื่อว่าไม่ได้คิดไปเอง  ฉันเดินไปเคาะประตูหน้าห้องเธอ    จากเสียงที่คุยกันเริ่มเงียบลง  มีใครสักคนมาล็อคลูกบิด เสียง แก๊ก!    เหอะ! คงกลัวอะไรบางอย่างสินะ  ฉันก็เคาะ ดัง ปัง ปัง  สุดท้ายเธอก็ยอมเปิด
ทุกวันนี้ฉันมาคิดๆดูนะ  มันไม่น่าจะเป็นฉันเลยเนอะ ที่ไปหาแล้วก็โมโห ใส่พวกเธอขนาดนั้น  มันน่าจะเป็นผัวเธอมากกว่าที่ควรจะเจอภาพบาดใจอย่างนั้น ไม่น่าจะเป็นฉันเลยที่ได้แต่เจ็บปวดมาถึงทุกวันนี้  เธอโกหกฉัน  ว่าเขามาเอาของขวัญที่ห้อง  ของขวัญวันเกิดอะไร มาเอาที่ห้องตอนดึกๆ …….
                        ความไม่แน่ใจบางครั้งเราจะควรเชื่อมัน   

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

very love my superstar ตอน6

         ย้อนกลับไปสมัยเรียน  ชายหนุ่มนักดนตรี กับสาวนักเต้นท้าวไฟ อย่างรนินันท์  เกี่ยวก้อยสัญญากันว่าจะเดินร่วมเส้นทางเดียวกันเพื่อไปสู่ความฝันของเราสองคน เคมุ่งมั่นในการเรียนทางด้านดนตรี  พร้อมๆกับไปเล่นในวงของเพื่อนๆด้วย  รนินันท์ก็ไม่ต่างกันทุ่มเทกับการฝึกฝนและประกวดแข่งขันรายการเต้นต่างๆจนเป็นที่กล่าวขานของเพื่อนๆรุ่นพี่รุ่นน้อง   ทั้งสองได้มอบสร้อยคอแทนใจเป็นรูปดวงดาวในดนตรี เพื่อสื่อความหมายว่ารักของเรา จะไปด้วยดีและความฝันที่เราจะยืนเคียงข้างกันบนเวทีนั้นจะต้องเกิดขึ้นในสักวัน
  เค  เดินมาที่ ที่นั่งของตนเอง  พร้อมๆกับดูรายชื่่อของเด็กที่ผ่านการออดิชั่นไปหมาดๆ   เขาเกิดความรู้สึกอยากจะทุ่มเทไปกับมันให้เต็มที่ขึ้นมา  เขาเรียกเด็กๆทุกคนมารวมตัวกัน  ในอาคารใหญ่   บรรยากาศที่เต็มไปด้วยอาการตื่นเต้นดีใจของเหล่าเด็กๆที่มีใจรักด้านเสียงเพลง   การแบ่งน้องๆให้ออกเป็นกลุ่มเพื่อไปฝึกฝนเป็นงานที่ต้องทำเป็นอันดับแรก  โดย  นญา  พีระ   พราว    และสามสาว ชล มีน ประกายได้อยู่ในกลุ่มเดียวกันรวมกับเพื่อนคนอื่นๆอีกหลายคน   ขณะที่กลุ่มอื่นก็มีความสามารถที่โดดเด่นและพรสวรรค์ที่เป็นประกายไม่แพ้กลุ่มแรกเช่นกัน     เคตั้งใจจะเป็นผู้เทรนด์ในกลุ่มแรก  ในขณะที่กลุ่มที่สองได้ผู้ฝึกฝีมือดีอีกคน  คือ  ภัทศร อดีตนักรองเพลงแดนซ์ชื่อดัง  เคผู้เป็นโปรดิวเซอร์หน้าใหม่ไฟแรง  กับรุ่นพี่มีฝีมือในวงการ ใครจะเป็นผู้ปั้นดาวให้ยิ่งใหญ่ได้  ต้องติดตามกันต่อไป  ไฟท์ติ้ง

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

very love my superstar ตอน5

   เค  จับตาไปที่เด็กหนุ่มอย่างสนใจ  ในขณะที่บรรดากรรมการต่างอดหัวเราะในลุคของพีระไม่ได้   ทันทีที่เสียงดนตรี บรรเลง จากเด็กหนุ่มเชยๆแต่งตัวธรรมดา  ก็ระเบิดพลังเสียงออกมาอย่างทรงพลัง  สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง  ท่านประธานที่นั่งชมอยู่ ต้องตกในภวังค์ไปหลายชั่วขณะ   PDนุ หันไปคุยกับนักแต่งเพลง  กันยาอย่างรวดเร็ว  ขณะที่ท่านอื่นๆ  ก็พากันวิพากษ์วิจารย์เกี่ยวกับเสียงที่ไพเราะและทรงพลังอย่างเด็กหนุ่มเนิร์ดๆอย่างนี้     "ช่างเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์จริงๆ  เราโชคดีจังนะค่ะ"  กันยากล่าวกับ PDวิทย์  เขาพยักหน้าตอบรับ  โดยไม่ละสายตาไปด้านบนเวที
   ในห้องน้ำ  เค  เดินออกมาหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ  เขาพบผู้หญิงคนหนึ่งซึ่่งคุ้นหน้า   รนินันท์ ครูสอนเต้นคนสวย  อดีตคนรักของเขาในวัยเรียน   หลังจากที่ต่างคนต่างแยกทางกันไปเนิ่นนาน   ซึ่งวันนี้เธอก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจที่มายืนอยู่ที่นี่  " นิ!  คุณมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง"  ชายหนุ่ม  ส่งเสียงดังออกไป  หญิงสาวในชุดสุดเซ็กซี่หันมายิ้มให้เขา  รอยยิ้มที่แสนหวานที่คุ้นเคยทำใจเขาสั่นอีกครั้ง    เธอเดินมาเคียงข้างอดีตคนรักเหมือนคนยังคุ้นเคย "  ท่านประธานไม่ได้บอกเค  เหรอ ว่าฉันจะมาสอนที่นี่  วันนี้ฉันก็มาดูเด็กๆด้วย  ดีใจจังที่เจอ เคอีก สบายดีไหม๊"เคตกใจกับสิ่งที่หญิงสาวพูดออกมา   " เรื่องจริงเหรอ!ผมไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย"    "ฉันอยากเซอร์ไพรคุณด้วยมั้ง "    

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

very love my superstar ตอน4

     ท่านประธานเดินขึ้นไปบนเวทีเมื่อได้ยินพิธีกรกล่าวเรียนเชิญเปิดงานวันนี้ นิรุตไม่ได้ขึ้นเวทีที่มีมนขลังของแสงสีแบบนี้มานานแล้วนับตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนเขาโดนมรสุมชีวิตเล่นงาน  บนเวทีแห่งโลกมายา มีแต่การแก่งแย่งชิงดี เพื่อให้ยืนถึงจุดสูงสุดของการเป็นนักร้อง   การเป็นนักร้องไม่ใช่เพียงแค่ร้องเพลงเก่งเต้นได้อย่างเดียว  แต่ต้องมีความอดทนและหาทุกวีถีทางเพื่อให้เป็นที่จดจำของแฟนๆ  การพยายามเพื่อให้ได้เป็นที่หนึ่ง  ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ทำไม่ง่ายนักสำหรับศิลปินไทยทุกวัน   นิรุตผ่านความยากลำบากมาแล้วอย่างโชกโชน  การเป็นศิลปินฝึกหัดในวันนี้ จะช่วยฝึกฝนให้ก้าวไปเป็นศิลปินที่แข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี  ก่อนที่นิรุต ชายหนุ่มวัยกลางคนจะก้าวลงจากเวที สายตาเขาเหลือบมองไปทั่วบริเวณที่มีเด็กๆนักล่าฝัน ยืนมองอยู่เขาอดที่จะชื่นชมไม่ได้  แสงดาวเหล่านี้จะจุดประกายให้วงการเพลงของเมืองไทยต้องเติบโตไปข้างหน้าได้อย่างแน่นอน  และเขาเองจะเป็นผู้ผลักดัน  เมื่อเสียงปรบมือจบลงนิรุตได้แต่รอดูเด็กเหล่านี้จะทำความฝันของตนเป็นความจริงหรือไม่    
     "หมายเลขหนึ่งครับ  น้องพราว  ครับ"     สิ้นเสียงพิธีกรรุ่นพี่ประกาศจบลงเธอ  ก็ก้าวสู่บนเวที พราว  เด็กสาวจากกรุงเทพมหานคร มาออดิชั่นในเพลง อย่าทำให้ฟ้าผิดหวัง   น้ำเสียงเธอใส เหมือนดังวัยของเธอจนทุกคนอ้าปากค้าง  มีบางช่วงที่เสียงเธอแตก ทำให้การแสดงของเธอมีสะดุด  เราเห็นอาการเธอสั่นอย่างเห็นได้ชัด   เค  มองแววเด็กคนนี้ได้ดีเธอมีเสียงเป็นธรรมชาติและเป็นเอกลักษณ์ด้วยวัยเพียง 16 ปี  อาจจะตื่นเวที  เธอร้องจบ คณะกรรมการลงคะแนนว่าเธอ 'ผ่าน'       พราวดีใจเป็นอย่างมาก การออดิชั่นผ่านไปเรื่อยๆ ทางบริษัทต้องการแค่20คน  เท่านั้น    นญา  เดินมาหยุดอยู่กลางเวที  เธอเลือกบทเพลงของ 2am  นักร้องบันลาดแห่งเกาหลี    "ผ่านครับ"     เสียงของกรรมการประกาศออกมา เธอแทบไม่เชื่อ  บทเพลงนี้เธอร้องด้วยเสียงอันเล็กนุ่มนวลและไพเราะ  จนกรรมการและเค  เทคะแนนให้่  หมายเลขต่อไป  คือกลุ่มของสามสาวนักเต้น  พวกเธอฝึกซ้อมกันจนกระทั่งจะขึ้นเวที และใช้การแสดงเต้นโคพเวอร์ของวง โฟร์มินิท เกาหลีอีกเช่นกัน  ก่อนจะประกาศผล ออกไปจากการเต้นอันสุดยอด   เหล่าบรรดาPDต่างยกนิ้วให้ผ่าน ในท่ี่สุดพลังแห่งความสามัคคีก็สำฤทธิ์ผลซะทีสินะ   พวกเธอลงเวทีไปกอดคอร้องไห้ด้วย  เป็นภาพประทับสำหรับนิรุตอย่างมาก     "หมายเลขที่ สี่สิบหกครับ  น้องพีระ"   เด็กหนุ่มลุคเนิร์ดๆก้าวขึ้นเวทีพร้อมแว่นตาอันหนาประจำตัวเขา นญาต่างก็แอบลุ้นให้เขาผ่านไปด้วยกัน จะได้เป็นเพื่อนกัน  แต่เขาจะทำได้ไหมน่ะ

very love my superstar ตอน3

        และแล้วการออดิชั่่น ของบริษัท  pop very  entertainment  ก็เริ่มต้นขึ้น  ท่านประธานเดินออกจากลิฟต์จากตึกชั้นสูงลงมาเพื่อชมการคัดเลือกด้วยตัวเอง  อดีตนักร้องระดับตำนานผันตัวเองมาเปิดบริษัทเพื่อสานฝันของตัวเองและเด็กรุ่นใหม่  NL  คือนามตอนเป็นนักร้อง  ของท่านเจ้าของบริษัท  เค  เห็นท่านประธานเดินมาก็รีบเชิญท่านไปนั่งที่เก้าอี้  ซึ้งเป็นที่สำหรับVIP   เค  เดินไปพูดคุยกับคณะกรรมการอีกหลายๆท่านที่เขาได้ติดต่อและเชิญมา   ภายในห้องพักน้องๆหลายคนและหลายกลุ่มต่างพากันตื่นเต้น  ไม่ว่าจะเป็นนญา และพีระที่วันนี้มาพบกันด้วยความบังเอิญ   กลุ่มของสามสาว  ประกาย  มีน และสายชล    รวมทั้งบรรดารุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ต่างจัดมาเต็มที่เสื้อผ้าหน้าผม  ความฝันของพวกเขาจะจุดประกายในวันนี้หรือไม่ ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้นอกจากตัวพวกเขาเองที่มุ่งมั่นและทุ่มเทมามากแค่ไหน     เค มานั่งอยู่ประจำตำแหน่งพร้อมๆกัน  กันยา  นักแต่งเพลงมือเก่งของบริษัท "ดูนาย ตื่นเต้นนะ  วันนี้คิดว่าเป็นวันที่ดีหรือเปล่า"  เคจับปากกาแล้วหันมายิ้ม"  แน่นอนสิฮ่ะ  พี่ก็ตื่นเต้นเหมือนกันใช่มั๊ยล่ะ    ผมเห็นน้องที่มาวันนี้น่าสนใจทุกคนเลยนะ  อีกหน่อยวงการเราคงคึกคักแน่ๆ"   กันยายิ้มๆ"เมื่อไหร่จะเริ่มล่ะค่ะ  PD" กันยาแกล้งแหย่เค  ในฐานะผู้รับผิดชอบโปรเจคนี้   "พี่นุ  พี่วิทย์  เมื่อไหร่จะมาล่ะครับเนี้ย"  เคหันมาถามกันยา   สายตาก็มองดูเวลาไปด้วย  สักพักสองยอดโปรดิวซ์ก็เดินมาที่เก้าอี้ประจำที่  "พี่ครับทำไมาช้าจัง "  เคอดใจรอแทบไม่ไหว "เมื่อกี้สตาร์ฟ  บอกว่ามีปัญหาการจัดคิวน้องนิดหน่อย  พวกฉันสองคนเลยเดินไปดูนะ"    เคฟังอย่างตกใจ  "แล้วตอนนี้โอเคยังครับพี่!"   "ก็เรียบร้อยแล้วหล่ะ  ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก   ท่านประธานมาแล้วใช่ไหม" PDวิทย์  ถามพลางมองหาเจ้านาย  "มาแล้วค่ะพี่อยู่ด้านนู้นค่ะ" กันยาบอกผู้เป็นรุ่นพี่  PDวิทย์พยักหน้า  "โอเค  งั้นเริ่มงานกันเลย"......

very love my superstar ตอน2

    หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ที่โปสเตอร์แผ่นใหญ่อยู่ตรงหน้า  'โอกาสการเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่  มาถึงแล้ว น้องๆที่มีความสามารถเชิญเข้าร่วมงานออดิชั่นกับเรา  ผู้ชนะจะได้รับการเทรนด์เป็นศิลปินในค่าย pop very  en พร้อมกับการเป็นศิลปินในอนาคต อายุ 15 ถึง25 ปี ....'       นญา เด็กสาววัย16  ตั้งใจอ่านอย่างสนอกสนใ จเธอ มีความฝันที่อยากจะเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็ก แต่ยังไม่เคยขึ้นประกวดเวทีใดๆเลย  เธอตื่นเต้นกับแผ่นป้ายนี้มาก      รีบดึงกระดาษที่อยู่ในกระเป๋านักเรียนใบใหญ่ออกมาจดเว็บไซต์เพื่อไปกรอกใบสมัคร   ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมา จดๆจ้องๆ พีระ  เด็กชายขี้อายประจำโรงเรียนใส่แว่นหน้าเตอะจ้องมองแผ่นป้ายอย่างมีความหวังพร้อมกับมองไปที่เด็กสาวข้างหน้า "ฉันจะต้องได้เป็นนักร้องแน่ๆ"    ภายนอกดูเหมือนเด็กเนิร์ดคนหนึ่ง แต่พีระกลับไม่เคยให้เพื่อนคนใดรับรู้เลยว่าเขามีเสียงอันไพเราะ  และทรงพลัง       " นี่พวกเธอดูนั่นสิ" เสียงของชล ตะโกนบอกกับเพื่อนสาวทั้งสอง มีน และประกายที่เป็นเพื่อนสนิทกัน  ทั้งสามเป็นกลุ่มนักเต้นโคพเวอร์ที่ไม่เคยได้รับรางวัลใดๆจาการประกวดวงโคพต่างมาแล้วนับสิบรายการ  แต่พวกเธอไม่เคยย้อท้อต่อการประกวดแม้แต่นิดเดียว " เฮ้ย !พวกเรารีบไปหาใบสมัครกันเถอะ เดี๋ยวเขาจะปิดรับ"  มีนบอกเพื่อนๆด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นหลังจากอ่านกติกาการรับสมัครจบ        ด้านในออฟฟิค  เคกำลังวุ่นวายกับการจัดงาน  ทีมงานคนหนึ่งเดินเอาเอกสารมาให้เขา  "น้องๆสมัครเข้ามาเยอะเลยนะ  งานนี้รับศึกหนักแน่เรา"   เค  หันมายิ้มให้ก่อนจะพูด  "ยังไงเราต้องเตรียมตัวให้พร้อม  ท่านประธานอยากได้เด็กที่จะเป็นศิลปินประจำค่ายของเราในอนาคต มีอะไรที่ต้องแก้บ้างไหม  เรื่องสถานที่เป็นยังไงบ้าง"  " อ้อ  เรื่องนี่พี่นุแกบอกเรียบร้อยดี  เหลือแค่ฝ่ายเครื่องเสียงนิดหน่อย  "  เค  พยักหน้า  "งั้นพี่ช่วยดูเรื่องเวลาให้ผมด้วยล่ะกัน  เราจะเลทให้น้องได้คนละเท่าไหร่ยังไง  เหลือเวลาไม่นานนัก"  เคหันไปเก็บเอกสาร" ได้  ฉันไปนะแล้วเจอกัน"  "ครับพี่"