วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

very love my superstar ตอน6

         ย้อนกลับไปสมัยเรียน  ชายหนุ่มนักดนตรี กับสาวนักเต้นท้าวไฟ อย่างรนินันท์  เกี่ยวก้อยสัญญากันว่าจะเดินร่วมเส้นทางเดียวกันเพื่อไปสู่ความฝันของเราสองคน เคมุ่งมั่นในการเรียนทางด้านดนตรี  พร้อมๆกับไปเล่นในวงของเพื่อนๆด้วย  รนินันท์ก็ไม่ต่างกันทุ่มเทกับการฝึกฝนและประกวดแข่งขันรายการเต้นต่างๆจนเป็นที่กล่าวขานของเพื่อนๆรุ่นพี่รุ่นน้อง   ทั้งสองได้มอบสร้อยคอแทนใจเป็นรูปดวงดาวในดนตรี เพื่อสื่อความหมายว่ารักของเรา จะไปด้วยดีและความฝันที่เราจะยืนเคียงข้างกันบนเวทีนั้นจะต้องเกิดขึ้นในสักวัน
  เค  เดินมาที่ ที่นั่งของตนเอง  พร้อมๆกับดูรายชื่่อของเด็กที่ผ่านการออดิชั่นไปหมาดๆ   เขาเกิดความรู้สึกอยากจะทุ่มเทไปกับมันให้เต็มที่ขึ้นมา  เขาเรียกเด็กๆทุกคนมารวมตัวกัน  ในอาคารใหญ่   บรรยากาศที่เต็มไปด้วยอาการตื่นเต้นดีใจของเหล่าเด็กๆที่มีใจรักด้านเสียงเพลง   การแบ่งน้องๆให้ออกเป็นกลุ่มเพื่อไปฝึกฝนเป็นงานที่ต้องทำเป็นอันดับแรก  โดย  นญา  พีระ   พราว    และสามสาว ชล มีน ประกายได้อยู่ในกลุ่มเดียวกันรวมกับเพื่อนคนอื่นๆอีกหลายคน   ขณะที่กลุ่มอื่นก็มีความสามารถที่โดดเด่นและพรสวรรค์ที่เป็นประกายไม่แพ้กลุ่มแรกเช่นกัน     เคตั้งใจจะเป็นผู้เทรนด์ในกลุ่มแรก  ในขณะที่กลุ่มที่สองได้ผู้ฝึกฝีมือดีอีกคน  คือ  ภัทศร อดีตนักรองเพลงแดนซ์ชื่อดัง  เคผู้เป็นโปรดิวเซอร์หน้าใหม่ไฟแรง  กับรุ่นพี่มีฝีมือในวงการ ใครจะเป็นผู้ปั้นดาวให้ยิ่งใหญ่ได้  ต้องติดตามกันต่อไป  ไฟท์ติ้ง

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

very love my superstar ตอน5

   เค  จับตาไปที่เด็กหนุ่มอย่างสนใจ  ในขณะที่บรรดากรรมการต่างอดหัวเราะในลุคของพีระไม่ได้   ทันทีที่เสียงดนตรี บรรเลง จากเด็กหนุ่มเชยๆแต่งตัวธรรมดา  ก็ระเบิดพลังเสียงออกมาอย่างทรงพลัง  สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง  ท่านประธานที่นั่งชมอยู่ ต้องตกในภวังค์ไปหลายชั่วขณะ   PDนุ หันไปคุยกับนักแต่งเพลง  กันยาอย่างรวดเร็ว  ขณะที่ท่านอื่นๆ  ก็พากันวิพากษ์วิจารย์เกี่ยวกับเสียงที่ไพเราะและทรงพลังอย่างเด็กหนุ่มเนิร์ดๆอย่างนี้     "ช่างเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์จริงๆ  เราโชคดีจังนะค่ะ"  กันยากล่าวกับ PDวิทย์  เขาพยักหน้าตอบรับ  โดยไม่ละสายตาไปด้านบนเวที
   ในห้องน้ำ  เค  เดินออกมาหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ  เขาพบผู้หญิงคนหนึ่งซึ่่งคุ้นหน้า   รนินันท์ ครูสอนเต้นคนสวย  อดีตคนรักของเขาในวัยเรียน   หลังจากที่ต่างคนต่างแยกทางกันไปเนิ่นนาน   ซึ่งวันนี้เธอก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจที่มายืนอยู่ที่นี่  " นิ!  คุณมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง"  ชายหนุ่ม  ส่งเสียงดังออกไป  หญิงสาวในชุดสุดเซ็กซี่หันมายิ้มให้เขา  รอยยิ้มที่แสนหวานที่คุ้นเคยทำใจเขาสั่นอีกครั้ง    เธอเดินมาเคียงข้างอดีตคนรักเหมือนคนยังคุ้นเคย "  ท่านประธานไม่ได้บอกเค  เหรอ ว่าฉันจะมาสอนที่นี่  วันนี้ฉันก็มาดูเด็กๆด้วย  ดีใจจังที่เจอ เคอีก สบายดีไหม๊"เคตกใจกับสิ่งที่หญิงสาวพูดออกมา   " เรื่องจริงเหรอ!ผมไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย"    "ฉันอยากเซอร์ไพรคุณด้วยมั้ง "    

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

very love my superstar ตอน4

     ท่านประธานเดินขึ้นไปบนเวทีเมื่อได้ยินพิธีกรกล่าวเรียนเชิญเปิดงานวันนี้ นิรุตไม่ได้ขึ้นเวทีที่มีมนขลังของแสงสีแบบนี้มานานแล้วนับตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนเขาโดนมรสุมชีวิตเล่นงาน  บนเวทีแห่งโลกมายา มีแต่การแก่งแย่งชิงดี เพื่อให้ยืนถึงจุดสูงสุดของการเป็นนักร้อง   การเป็นนักร้องไม่ใช่เพียงแค่ร้องเพลงเก่งเต้นได้อย่างเดียว  แต่ต้องมีความอดทนและหาทุกวีถีทางเพื่อให้เป็นที่จดจำของแฟนๆ  การพยายามเพื่อให้ได้เป็นที่หนึ่ง  ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ทำไม่ง่ายนักสำหรับศิลปินไทยทุกวัน   นิรุตผ่านความยากลำบากมาแล้วอย่างโชกโชน  การเป็นศิลปินฝึกหัดในวันนี้ จะช่วยฝึกฝนให้ก้าวไปเป็นศิลปินที่แข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี  ก่อนที่นิรุต ชายหนุ่มวัยกลางคนจะก้าวลงจากเวที สายตาเขาเหลือบมองไปทั่วบริเวณที่มีเด็กๆนักล่าฝัน ยืนมองอยู่เขาอดที่จะชื่นชมไม่ได้  แสงดาวเหล่านี้จะจุดประกายให้วงการเพลงของเมืองไทยต้องเติบโตไปข้างหน้าได้อย่างแน่นอน  และเขาเองจะเป็นผู้ผลักดัน  เมื่อเสียงปรบมือจบลงนิรุตได้แต่รอดูเด็กเหล่านี้จะทำความฝันของตนเป็นความจริงหรือไม่    
     "หมายเลขหนึ่งครับ  น้องพราว  ครับ"     สิ้นเสียงพิธีกรรุ่นพี่ประกาศจบลงเธอ  ก็ก้าวสู่บนเวที พราว  เด็กสาวจากกรุงเทพมหานคร มาออดิชั่นในเพลง อย่าทำให้ฟ้าผิดหวัง   น้ำเสียงเธอใส เหมือนดังวัยของเธอจนทุกคนอ้าปากค้าง  มีบางช่วงที่เสียงเธอแตก ทำให้การแสดงของเธอมีสะดุด  เราเห็นอาการเธอสั่นอย่างเห็นได้ชัด   เค  มองแววเด็กคนนี้ได้ดีเธอมีเสียงเป็นธรรมชาติและเป็นเอกลักษณ์ด้วยวัยเพียง 16 ปี  อาจจะตื่นเวที  เธอร้องจบ คณะกรรมการลงคะแนนว่าเธอ 'ผ่าน'       พราวดีใจเป็นอย่างมาก การออดิชั่นผ่านไปเรื่อยๆ ทางบริษัทต้องการแค่20คน  เท่านั้น    นญา  เดินมาหยุดอยู่กลางเวที  เธอเลือกบทเพลงของ 2am  นักร้องบันลาดแห่งเกาหลี    "ผ่านครับ"     เสียงของกรรมการประกาศออกมา เธอแทบไม่เชื่อ  บทเพลงนี้เธอร้องด้วยเสียงอันเล็กนุ่มนวลและไพเราะ  จนกรรมการและเค  เทคะแนนให้่  หมายเลขต่อไป  คือกลุ่มของสามสาวนักเต้น  พวกเธอฝึกซ้อมกันจนกระทั่งจะขึ้นเวที และใช้การแสดงเต้นโคพเวอร์ของวง โฟร์มินิท เกาหลีอีกเช่นกัน  ก่อนจะประกาศผล ออกไปจากการเต้นอันสุดยอด   เหล่าบรรดาPDต่างยกนิ้วให้ผ่าน ในท่ี่สุดพลังแห่งความสามัคคีก็สำฤทธิ์ผลซะทีสินะ   พวกเธอลงเวทีไปกอดคอร้องไห้ด้วย  เป็นภาพประทับสำหรับนิรุตอย่างมาก     "หมายเลขที่ สี่สิบหกครับ  น้องพีระ"   เด็กหนุ่มลุคเนิร์ดๆก้าวขึ้นเวทีพร้อมแว่นตาอันหนาประจำตัวเขา นญาต่างก็แอบลุ้นให้เขาผ่านไปด้วยกัน จะได้เป็นเพื่อนกัน  แต่เขาจะทำได้ไหมน่ะ

very love my superstar ตอน3

        และแล้วการออดิชั่่น ของบริษัท  pop very  entertainment  ก็เริ่มต้นขึ้น  ท่านประธานเดินออกจากลิฟต์จากตึกชั้นสูงลงมาเพื่อชมการคัดเลือกด้วยตัวเอง  อดีตนักร้องระดับตำนานผันตัวเองมาเปิดบริษัทเพื่อสานฝันของตัวเองและเด็กรุ่นใหม่  NL  คือนามตอนเป็นนักร้อง  ของท่านเจ้าของบริษัท  เค  เห็นท่านประธานเดินมาก็รีบเชิญท่านไปนั่งที่เก้าอี้  ซึ้งเป็นที่สำหรับVIP   เค  เดินไปพูดคุยกับคณะกรรมการอีกหลายๆท่านที่เขาได้ติดต่อและเชิญมา   ภายในห้องพักน้องๆหลายคนและหลายกลุ่มต่างพากันตื่นเต้น  ไม่ว่าจะเป็นนญา และพีระที่วันนี้มาพบกันด้วยความบังเอิญ   กลุ่มของสามสาว  ประกาย  มีน และสายชล    รวมทั้งบรรดารุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ต่างจัดมาเต็มที่เสื้อผ้าหน้าผม  ความฝันของพวกเขาจะจุดประกายในวันนี้หรือไม่ ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้นอกจากตัวพวกเขาเองที่มุ่งมั่นและทุ่มเทมามากแค่ไหน     เค มานั่งอยู่ประจำตำแหน่งพร้อมๆกัน  กันยา  นักแต่งเพลงมือเก่งของบริษัท "ดูนาย ตื่นเต้นนะ  วันนี้คิดว่าเป็นวันที่ดีหรือเปล่า"  เคจับปากกาแล้วหันมายิ้ม"  แน่นอนสิฮ่ะ  พี่ก็ตื่นเต้นเหมือนกันใช่มั๊ยล่ะ    ผมเห็นน้องที่มาวันนี้น่าสนใจทุกคนเลยนะ  อีกหน่อยวงการเราคงคึกคักแน่ๆ"   กันยายิ้มๆ"เมื่อไหร่จะเริ่มล่ะค่ะ  PD" กันยาแกล้งแหย่เค  ในฐานะผู้รับผิดชอบโปรเจคนี้   "พี่นุ  พี่วิทย์  เมื่อไหร่จะมาล่ะครับเนี้ย"  เคหันมาถามกันยา   สายตาก็มองดูเวลาไปด้วย  สักพักสองยอดโปรดิวซ์ก็เดินมาที่เก้าอี้ประจำที่  "พี่ครับทำไมาช้าจัง "  เคอดใจรอแทบไม่ไหว "เมื่อกี้สตาร์ฟ  บอกว่ามีปัญหาการจัดคิวน้องนิดหน่อย  พวกฉันสองคนเลยเดินไปดูนะ"    เคฟังอย่างตกใจ  "แล้วตอนนี้โอเคยังครับพี่!"   "ก็เรียบร้อยแล้วหล่ะ  ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก   ท่านประธานมาแล้วใช่ไหม" PDวิทย์  ถามพลางมองหาเจ้านาย  "มาแล้วค่ะพี่อยู่ด้านนู้นค่ะ" กันยาบอกผู้เป็นรุ่นพี่  PDวิทย์พยักหน้า  "โอเค  งั้นเริ่มงานกันเลย"......

very love my superstar ตอน2

    หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ที่โปสเตอร์แผ่นใหญ่อยู่ตรงหน้า  'โอกาสการเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่  มาถึงแล้ว น้องๆที่มีความสามารถเชิญเข้าร่วมงานออดิชั่นกับเรา  ผู้ชนะจะได้รับการเทรนด์เป็นศิลปินในค่าย pop very  en พร้อมกับการเป็นศิลปินในอนาคต อายุ 15 ถึง25 ปี ....'       นญา เด็กสาววัย16  ตั้งใจอ่านอย่างสนอกสนใ จเธอ มีความฝันที่อยากจะเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็ก แต่ยังไม่เคยขึ้นประกวดเวทีใดๆเลย  เธอตื่นเต้นกับแผ่นป้ายนี้มาก      รีบดึงกระดาษที่อยู่ในกระเป๋านักเรียนใบใหญ่ออกมาจดเว็บไซต์เพื่อไปกรอกใบสมัคร   ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมา จดๆจ้องๆ พีระ  เด็กชายขี้อายประจำโรงเรียนใส่แว่นหน้าเตอะจ้องมองแผ่นป้ายอย่างมีความหวังพร้อมกับมองไปที่เด็กสาวข้างหน้า "ฉันจะต้องได้เป็นนักร้องแน่ๆ"    ภายนอกดูเหมือนเด็กเนิร์ดคนหนึ่ง แต่พีระกลับไม่เคยให้เพื่อนคนใดรับรู้เลยว่าเขามีเสียงอันไพเราะ  และทรงพลัง       " นี่พวกเธอดูนั่นสิ" เสียงของชล ตะโกนบอกกับเพื่อนสาวทั้งสอง มีน และประกายที่เป็นเพื่อนสนิทกัน  ทั้งสามเป็นกลุ่มนักเต้นโคพเวอร์ที่ไม่เคยได้รับรางวัลใดๆจาการประกวดวงโคพต่างมาแล้วนับสิบรายการ  แต่พวกเธอไม่เคยย้อท้อต่อการประกวดแม้แต่นิดเดียว " เฮ้ย !พวกเรารีบไปหาใบสมัครกันเถอะ เดี๋ยวเขาจะปิดรับ"  มีนบอกเพื่อนๆด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นหลังจากอ่านกติกาการรับสมัครจบ        ด้านในออฟฟิค  เคกำลังวุ่นวายกับการจัดงาน  ทีมงานคนหนึ่งเดินเอาเอกสารมาให้เขา  "น้องๆสมัครเข้ามาเยอะเลยนะ  งานนี้รับศึกหนักแน่เรา"   เค  หันมายิ้มให้ก่อนจะพูด  "ยังไงเราต้องเตรียมตัวให้พร้อม  ท่านประธานอยากได้เด็กที่จะเป็นศิลปินประจำค่ายของเราในอนาคต มีอะไรที่ต้องแก้บ้างไหม  เรื่องสถานที่เป็นยังไงบ้าง"  " อ้อ  เรื่องนี่พี่นุแกบอกเรียบร้อยดี  เหลือแค่ฝ่ายเครื่องเสียงนิดหน่อย  "  เค  พยักหน้า  "งั้นพี่ช่วยดูเรื่องเวลาให้ผมด้วยล่ะกัน  เราจะเลทให้น้องได้คนละเท่าไหร่ยังไง  เหลือเวลาไม่นานนัก"  เคหันไปเก็บเอกสาร" ได้  ฉันไปนะแล้วเจอกัน"  "ครับพี่"

very love my superstar ตอน1

            เค  เดินเข้ามาที่ในห้องทำงานอย่างอารมณ์เสีย  "รถมันจะติดอะไรกันนักกันหนา  ให้ตายเถอะ"  ชายหนุ่มวัยสี่สิบเอ็ดเพิ่งมาถึงที่ทำงานที่บริษัท  pop very  entertainment    ค่ายเพลงที่ผลักดัน  และผลิตศิลปินที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน  เค  ทำงานเป็นผู้ช่วยโปรดิวเซอร์  เข้ามารับหน้าที่ดูแลและเทรนด์ศิลปิน  เขาเป็นหนุ่มไฟแรงคนหนึ่งของวงการ  แต่วันนี้เขาออกอาการอารมณ์ไม่ดีมาซะแล้ว  เค  เดินไปที่ห้องทำงานส่วนตัวของท่านประธานบริษัท  หลังจากได้รับโทรศัพย์เรียกตัวด่วนทันทีที่เขาเข้ามาถึงบริษัท เขาเดินมาหยุดที่หน้าประตู  พลางสำรวจการแต่งกายของตนก่อนจะเข้าไปด้านใน  "ท่านประธานครับ ผม เค ครับขออนุญาติเข้าไปนะครับ"   
          ชายหนุ่มร่างสูงดันประตูที่แข็งแรงเข้าไป     "อ้าว  มาแล้วเหรอ  นั่งก่อนสิ"  นิรุตน์  เจ้าของบริษัท        หนุ่มวัยกลางคนกล่าวเชื้อเชิญ  "ฉันมีเรื่องด่วนที่อยากให้นายทำ  มันเป็นโปรเจคใหญ่"   เค  มองหน้าท่านประธานอย่างตั้งใจฟัง    "  ฉันจะเปิดการออดิชั่น  หาเด็กที่มีความสามารถมาเป็นศิลปินฝึกหัดของบริษัทเรา  และต้องเทรนด์ให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้เปิดตัวเป็นศิลปิน  " ท่านประธาน จะ ให้ผมทำโปรเจคนี้เหรอครับ!" เคทำหน้าตกใจเขาเพิ่งเข้าทำงานบริษัทนี้ได้ไม่นาน  "ใช่   ฉันคิดว่านายน่าจะทำได้ดี  ฉันฝากด้วย สิ่งที่นายต้องทำให้เร็วที่สุด คือการหาเด็กที่มีพรสวรรค์มาให้ฉัน  "   ชายหนุ่มนิ่งไปสักพักก่อนจะหยิบเอกสารส่งให้เค  เค รับมันมาเปิดดู  "ภายในเดือนนี้เราต้องทำการออดิชั่น  ฉันจะให้ฝ่ายโอเปอร์เรชั่นไปประชาสัมพันธิ์  ส่วนนายก็ดูแลเรื่องคัดเด็ก  เข้าใจนะ"   "ครับท่านประธาน "
 

ไดอารี่ 17/10/54

         เวลาที่เห็นหน้าคนที่เราชอบ  ใจมันจะเต้นแรงไงไม่รู้แล้วอาการกระสับกระส่ายก็ตาม  แค่ได้เห็นเขาแค่แวบเดียวก็ดีใจ  แต่ความจริงก็อยากเห็นหน้านานๆหน่อย  เวลาเห็นเขาเดินจากไปมันเศร้าจริงๆ ตอนที่ขอเบอร์โทรศัพย์เข้าไว้  เขาเคยพูดว่า "ให้ไป...แกก็ไม่เคยโทรมาหรอก "  มันเหมือนกับว่ามันคงไม่เป็นไรหรอกถ้าเราจะโทรคุยกันนอกเหนือเรื่องงาน  แค่คุยเฉยๆ  แต่ถ้าโทรไปหาเราก็กลัวว่าเขาจะคิดมากอีกหาว่าเราชอบเค้าเหรอถึงโทรหา  ไม่อยากคุยเรื่องนี้กับเค้าเลยเลี่ยงได้ก็อยากจะเลี่ยง  ความจริงสมมุติเราคุยกันอยู่  แล้วเขาถามขึ้นมาในขณะเราคุยโทรศัพย์กัน "นี่แก ชอบฉันเหรอ"    เราจะไม่ปฎิเสธนะ  แน่นอนว่าเราจะยอมรับมันไปตรงๆที่กล้าเพราะมีการคุยกันเพียงสองคน  ถึงหลังจากนั้น สถานะของเราจะเปลี่ยนไปก็ไม่กลัวเพราะไม่มีคนอื่นมารับรู้ด้วย

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เราแอบชอบk.ก

       ทุกๆครั้งที่มีโอกาสได้พูดคุยกัน มันทำให้เรามีความสุขมาก อย่างแบบเขาเดินมา เราก็จะยิ้มให้ เขาก็ยิ้มตอบ และทุกๆวันหลังจากกลับจากทำงาน ก็จะมาเขียนไดอารี่เล่าเรื่องราวในการพบk.ก  ในแต่ละวัน  เขียนทุกวันๆตั้งแต่ปี53  จนกระทั่งทุกวันนี้  เอ่อ  ที่สร้างบล็อคนี้ขึ้นมาเพราะขี้เกียจเขียนในกระดาษมันเยอะจัด  จนเต็มห้องไปหมด  เราก็เลยคิดว่าเขียนอะไรที่บอกความรู้สึกเราผ่านทางนี้ดีกว่า  แต่ก็กะว่าที่เขียนๆไว้จะเอามาลงในนี้เหมือนกันนะ แค่ดูเวลาก่อนน่ะ  อย่างที่บอกแหล่ะว่าเราเป็นผู้หญิงด้วยกันพี่เขาเลยไม่สนใจหรือคิดอะไรมาก  เวลาเราทำดี  หรือแสดงออกไปอย่างจับมือ   กอดหรือว่าไปอยู่ใกล้ๆเพราะเขาคิดว่าเราเป็นน้อง  เริ่มรู้สึกว่า  ชอบมากขึ้น  เมื่อได้ใกล้ชิดมากขึ้น เมื่อพี่เขาย้ายที่พักมาอยู่ที่สะดวกกับการไปหามากขึ้น เราแวะไปหาที่ห้องเขาบ่อย  เวลาไปก็ซื้อของเข้าไปกิน  ฝากเขาบ้าง นั่งคุยกันเรื่องงานเรื่องส่วนตัวคุยทุกเรื่องเลย เขาไม่อาจรับรู้เลยว่าในใจเราสับสนและเต้นแรงแค่ไหนเมื่ออยู่ลำพังสองคน

คนสนิทที่แอบคิดไปไกล

เรางงๆว่า เราไปสนิทกันตอนไหนนะ   รู้แต่ว่าเริ่มต้นที่เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่ชื่่ออ้อม   สนิทกับ k.ก  มากเวลาที่ไปหา k.ก  ก็มักจะลากเราไปด้วย  นิสัยของผู้หญิงคนนี้แบบว่าเขาเอาแต่ใจมาก แต่มีความอดทนเป็นเลิศ คนบ้าอะไรยอมให้เขาเหยียบมาตลอดจนได้ดีเป็นถึงผู้จัดการร้านทั้งที่จบแค่มัธยมต้น  ด้วยวัยเพียง24ปี  ตอนเธอเป็นแค่พนักงานบริการ  ถูกเขาว่าเขาด่ามากมาย  ขนาดเขาเล่าให้เราฟังในเรื่องเขา  เราฟังแล้วบางอย่างมันเกินไปที่จะทนจริงๆนะ  อาชีพบริการนั้น ขึ้นอยู่กับความอดทนจริงๆ    เราไปหา k.ก  ทีไรมักจะชอบฟังเขาเล่าเรื่องราวต่างๆ  เพราะช่วงนั้นเราเพิ่งเรียนรู้งานบริการที่แตกต่างจากเอ็มเค  ก็มันร้านอาหารเกาหลี ปิ้งย่างนี่นา มันยากที่ต้องปรับตัวกับรูปแบบการบริการ  แต่ด้วยความที่เราขยันอยู่แล้ว เลยทำได้                      
 พักหลังๆมักจะได้ไปทานข้าวด้วยกันบ่อยเลยสนิทกันมาเรื่อยๆ ความที่ประทับใจในตัวเขามากๆเลย  เขามาจากครอบครัวที่ยากจนมากเลยนะ  พ่อแม่ก็แยกทางกัน   แต่เขาไม่ใช่คนที่หลงไปกับแสงสีเลย  กลับเป็นคนที่สู้ ผลักดันตัวเอง แม้โอกาสทางสังคมน้อย เรียนน้อย เขาทำให้เราทึ่ง และอยากเอาอย่าง  การไปสนิทกับ k.ก  แรกๆเราแค่อยากไปเรียนรู้ในตัวเขาว่าเขาทำได้ไงนะ  เราอยากทำบ้าง  เขาสู้ เขาอดทน ขนาดไหนเราอยากดูมาปรับใช้เป็นตัวอย่างในการทำงานบ้าง ชอบฟังที่เขาพูดเขาบอกวิธีการทำงานมาก ต้องอย่างนั้นนะอย่างนี้นะ   แกคิดอย่างนั้นมันไม่ถูกนะ   บางอย่างต้องทำความเข้าใจมันให้ลึกซึ้ง   โอ้  ชอบมากแล้วเวลาเขาแนะนำนี่ ใช้ได้ผล  เขามีเหตุผลนะเรื่องงานเรื่องอะไร  แล้วที่สำคัญ k.ก  เป็นเพื่อนกับผู้จัดการร้านเราเวลาที่ว่างๆเขาก็จะเดินมาเล่นที่ร้านเรา  ก็ชอบมาคุยกับเราด้วย มีสาระบ้างไม่มีบ้าง ก็สนุกดี  เราชอบไปทานข้าวกับผู้จัดการ ผู้จัดการเราทำงานเก่งมาก จบมัธยมสามเหมือนกัน  แต่เธอมีใจรักงานสูงย้ำว่าสูงจริงๆไม่ยอมให้งานออกมาไม่เรียบร้อยเด็ดขาด  คุมคนได้ดีเรียกบ้างานเลยหล่ะ  เราทำงานกับพี่ผู้จัดการคนนี้ทำให้เราเป็นที่รอบคอบมากๆ  เขาสอนเราให้เป็นคนที่รอบคอบ  จนทุกวันนี้นิสัยการทำงานของเราแทบจะถอดแบบ แกมาเลยเพราะอยู่กับพี่เขานานที่สุด  ได้เรียนรู้ในตัวเขาเยอะเลยทีเดียว     ปกติเวลาเบรค ก็จะไปทานข้าวกันสามคนเรา มันไปด้วยกันบ่อย  จนวันหนึ่ง ก็ไปทานข้าวปกติแต่วันนั้นk.ก  ไม่ได้ไปด้วย  เรารู้สึกแปลกๆ มันคิดถึงมันเสียใจที่เขาไม่ไป   อุตสาห์ตั้งตารอเหมือนเมื่อวาน  เศร้ายังไงไม่รู้ มันอยากเห็นหน้าเขาน่ะ  เออ  แปลกจริงๆ จนผ่านมาหลายๆวันเข้าที่ไม่ได้เจอเขาเลย  คิดถึงว่ะ  เฮ้ย   เป็นอะไรเนี้ย  เริ่มมีความรู้สึกแปลกๆคิดถึงมากกอะไรอย่างนี้  เคยเป็นหนักจนถามตัวเองว่าเป็นอะไรเนี้ย  บ้าหรือเปล่า ความรู้สึกมันเริ่มมี ว่าแอบคิดถึงสุดๆ

ฉันแอบรักเธอ: การได้รู้จักกัน เป็นจุดเริ่มต้นของการตกหลุมรัก 2

ฉันแอบรักเธอ: การได้รู้จักกัน เป็นจุดเริ่มต้นของการตกหลุมรัก 2: ไม่รู้ว่าเธอคิดยังไง ถึงส่งเราไปอยู่อีกร้านนึง ซึ่งปัจจุบันเราก็อยู่ร้านนี้มาแล้วสองปี เธอพูดกับเราว่า ไปทำบาร์บีคิวง่ายกว่านะ เราก็แป...

การได้รู้จักกัน เป็นจุดเริ่มต้นของการตกหลุมรัก 2

ไม่รู้ว่าเธอคิดยังไง  ถึงส่งเราไปอยู่อีกร้านนึง  ซึ่งปัจจุบันเราก็อยู่ร้านนี้มาแล้วสองปี   เธอพูดกับเราว่า ไปทำบาร์บีคิวง่ายกว่านะ  เราก็แปลกใจว่าทำไมนะ  นี่หล่ะที่ได้รู้จักกันแต่ฟ้าคงไม่อยากให้เราทำงานด้วยกันหรอกเค้าแค่ให้เราสองคนมาเจอกัน ลองมารู้จักกันสิ อะไรทำนองนี้ เราเองมาทำงานที่นี่ก็เจอเรื่องราวมากมาย    เพราะเพิ่งเลิกกับแฟนที่เอ็มเคมาหมาดๆก็เลยเหงาสุดๆจะไปคบผู้ชายมันก็ไม่ใช่อ่ะ  เราเกลียดผู้ชายดิ มีผู้ชายในร้านมาชอบอ่ะ  เราเฉยเข้าไว้ภายนอกเราไม่แต่งทอมเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ใช่ทอมจ๋า  แอบนิดๆ  เขาเลยมองกันว่าเราเป็นผู้หญิง  ไปรู้จักพี่ผู้หญิงคนนึงชื่อพี่จินดา   เราไม่รู้ว่าเขาเป็นเลสเบี้ยน  เขามองเราออก  อู้ย  แต่เรากลัวว่ะ  ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องบนเตียงเลย  (อายนะที่เขียนแบบนี้)  แต่มันคือเรื่องจริง  เราตัดสินใจคบกับเขาเพราะเราเจ้าชู้  เอาไว้ก่อน ตอนนั้นเรายังเด็กด้วยแหล่ะ  แต่สุดท้ายก็เลิกกัน ครั้งนี้เราเจ็บแล้วจำไม่เอาแล้ว ไม่เอาอีกแล้วแบบนี้   ก็เริ่มสนิทกับ K.ก  ตอนที่เรามีปัญหานี่แหล่ะ   

การได้รู้จักกัน เป็นจุดเริ่มต้นของการตกหลุมรัก

ตั้งแต่ที่ฉันเดินหน้าหางานใหม่หลังจากเจอประสบการณ์เรื่องความรักในที่ทำงานครั้งก่อน  มันช่างทำให้ฉันเจ็บปวดจริงๆ  ไอ้บ้าเอ๊ย!  ไม่น่ามีความรักเลยอ่ะ  ปัญหาเรื่องชู้สาวในที่ทำงาน เป็นอะไรที่ติดอันดับหนึ่ีงในการลาออกของพนักงานทั้งที่ทำงานสุดยอดและห่วยแตก คนทำงานดีๆเจ้านายก็เสียดาย  แต่ไอ้ที่แย่ก็อวยพรไปด้วย  เรา ทำงานบริการตามห้างใหญ่ๆทั่วไปเป็นร้านอาหาร  เคยทำเอ็มเคนะ  แม่งสุดยอดเลยว่ะ  มาตรฐานสูง จุกจิกน่ะ  โอยทำได้แค่เจ็ดเดือนก็บายแล้ว  ไอ้ที่บายเพราะดันไปรักแฟนชาวบ้านอะดิ  เป็นหัวหน้างานชื่อพี่สร  บอกชื่อจริงได้ไหมเนี้ย  ^_^   แอบคบกันลับๆ  สามเดือนโดยที่สามีเขาไม่รู้  มันเป็นเรื่องปกติของคนในวงการนี้ไปแล้วอ่ะ  แต่วงการนี้ก็เหมือนวงการบันเทิงนั่นแหล่ะ  มีนักข่าว  มีคนอยากรู้    เอ่อ  เล่าเรื่องเก่าทำไมเนี้ย   อืม  พอลาออกเพื่อตัดปัญหารัก  ก็เริ่มหางานใหม่ ที่ๆเราได้รู้จักกับเธอ K.ก  เราเดินไปสมัครงานกับเธอ  เธอเป็นผู้จัดการร้านนี่นา  แต่ตอนนั้นได้ยินมาว่าเธอเป็นแค่รักษาการอยู่  เมื่อก่อนการสมัครงานของเรา  เราจะใช้เส้นนิดนึง  สมัครเอ็มเคก็ให้พี่สาวคุยๆไว้ให้แต่ตอนนี้ต้องเดินมาสมัครเองสัมภาษณ์เองแบบงงๆว่านี่เธอสัมภาษณ์ฉันแล้วเหรอ  แบบว่ามันสั้นมาก  แล้วก็ไล่ให้ไปทำที่บาร์บีคิว  ทั้งที่ไปสมัครร้านคุณเธอที่เป็นบุพเฟ่ต์นะย่ะ